ด้วยพิษเศรษฐกิจจากวิกฤตโควิด-19 ตั้งแต่ระลอกแรกถึงระลอกล่าสุดทำให้หลากหลายธุรกิจต้องพับตัวเองเก็บของกลับบ้านเก่ากันไป บางรายรอดมาได้ก็บาดเจ็บสาหัสกันทีเดียว และหนึ่งในธุรกิจที่เจ็บหนักเป็นรายต้น ๆ ก็คือผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า และคอมมูนิตี้มอลล์ต่าง ๆ
ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดี ศูนย์การค้ายูเนี่ยน มอลล์ ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางห้าแยกลาดพร้าว โลเคชั่นทองคำท่ามกลางแหล่งที่พักอาศัยใหม่ๆ ที่ขยายตัวมาจากใจกลางเมือง และถือเป็นแหล่งเศรษฐกิจใหม่ มีรถไฟฟ้าและรถไฟใต้ดินขยับขยายเส้นทางผ่านมาเกยถึงหน้าศูนย์ฯ ได้ผุดธุรกิจอื่นมาเสริมทัพอย่าง ยูเนี่ยน ฮอลล์ ที่ช่วยดึงดูดผู้ใช้บริการที่หลากหลายขึ้นให้เข้ามาในศูนย์ฯ เป็นจำนวนมาก สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำให้แก่ผู้ประกอบการรายย่อยภายในศูนย์ฯ ได้เป็นอย่างดีแม้จะเพิ่งเริ่มเปิดดำเนินการไม่ถึงปี แต่ก็ต้องประสบกับผลกระทบจากภาวะวิกฤตโควิด-19 ที่ทำเอาปั่นป่วนไปทั้งบ้านทั้งเมือง แต่ก็นับว่า ยูเนี่ยน มอลล์ ยังสามารถผ่านพ้นวิกฤตดังกล่าวมาได้…เป็นเพราะอะไร?
จากวิกฤตระลอกล่าสุดซึ่งหนักกว่าหลายระลอกที่ผ่านมา ผู้ประกอบการรายย่อยหลายรายก็เริ่มมีคำถาม “พรุ่งนี้ธุรกิจของเราจะยังไปไหวไหม?” “รายได้เดือนนี้จะพอกับค่าใช้จ่ายที่มีอยู่หรือไม่?” ในมุมของศูนย์การค้ายูเนี่ยน มอลล์ เองก็มีโจทย์ที่ใหญ่มาก คือเราจะทำอย่างไรที่จะประคับประคองธุรกิจไปพร้อม ๆ กับการช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยนับพันรายและพนักงานนับร้อย ที่ยังจำเป็นต้องมีรายได้หล่อเลี้ยงชีวิตให้ผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปกับศูนย์ฯ ได้ดีที่สุด ในขณะที่ศูนย์ฯ ยังต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายคงที่ (Fixed Cost) ค่าใช้จ่ายด้านการสนับสนุนกิจกรรมการตลาดร่วมกับผู้ประกอบการเพื่อช่วยสร้างรายได้เพิ่มเติมในช่องทางอื่น ๆ อีกทั้งยังใช้ช่วงวิกฤตที่ผ่านมาจัดคอร์สอบรมเสริมความรู้ในการทำธุรกิจในหลากหลายหัวข้อ
โดยมุ่งหวังให้ผู้ประกอบการมีความรู้เพิ่มเติมและเติบโตในระยะยาว รวมถึงค่าใช้จ่ายด้านการรักษาความสะอาดและความปลอดภัยจากเชื้อโควิด-19 ภายในศูนย์ฯ ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นมา ในขณะที่รายได้ลดลงจากการที่ผู้ประกอบการหลายรายถอนตัวออกไป ส่วนลดค่าเช่าที่มอบให้ผู้ประกอบการมาอย่างต่อเนื่อง และในกรณีที่ร้านค้าถูกภาครัฐสั่งให้ปิดดำเนินการชั่วคราว รายได้ของศูนย์การค้า ก็เป็น 0
คำตอบของคำถามด้านบน ว่าศูนย์การค้า ยูเนี่ยน มอลล์ รอดมาได้อย่างไร ก็คือ เพราะศูนย์การค้าฯ เชื่อว่า “วิกฤต คือ โอกาส” แม้ศูนย์การค้าฯ ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว แต่ศูนย์ฯ สามารถพัฒนาปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงตนเองให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบันและรองรับอนาคตที่จะเกิดขึ้นได้ ทางศูนย์ฯ จึงเร่งปรับแผนพัฒนาธุรกิจ เพื่อดึงดูดฐานลูกค้าใหม่ ๆ ควบคู่ไปกับแผนการช่วยเหลือผู้ประกอบการ
พร้อมทั้งรักษามาตรฐานในการปฏิบัติตามมาตรการด้านความปลอดภัย การรักษาความสะอาดและสุขอนามัยของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข อย่างเคร่งครัด เพื่อรองรับวิถีชีวิตใหม่ New Normal ที่กำลังจะกลายเป็น Now Normal ไปแล้ว ทันทีที่วิกฤตผ่านพ้นไปแล้วทุกอย่างกลับมาดีขึ้น ศูนย์การค้าฯ พร้อมด้วยผู้ประกอบการฯ ก็ต้องพร้อมที่จะก้าวไปข้างหน้าทันทีและอย่างเร็วที่สุด
ศูนย์การค้าฯ ขอขอบพระคุณทุกท่านที่ให้ความไว้วางใจมาโดยตลอด โดยเฉพาะบรรดาผู้ประกอบการที่ยังคงเชื่อมั่นและร่วมกันต่อสู้กับอุปสรรคครั้งนี้อย่างเต็มที่ เราเชื่อว่าหากผู้ประกอบการของเราอยู่ไม่ได้ เราก็อยู่ไม่ได้ เพราะฉะนั้นทุกฝ่ายต้องร่วมมือและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เรายังคงมีความหวังเสมอว่าฟ้าหลังฝนจะสดใส แล้วเราทุกคนจะสามารถเอาชนะตลอดจนก้าวผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปด้วยกันได้ในที่สุด