เนสกาแฟ แบรนด์กาแฟอันดับ 1 ของคนไทยจากเนสท์เล่ รวมพลังคนไทยทำสิ่งดี ๆ เพื่อโลก ด้วยการจัดกิจกรรมเชิญชวนผู้บริโภคร่วมปลูกต้นไม้สร้างความยั่งยืนตามหลัก การเกษตรเชิงฟื้นฟูหรือ Regenerative Agriculture สานต่อพันธกิจ ‘เนสกาแฟแพลน 2030’ พร้อมให้ความรู้ด้วยการนำสวนกาแฟจำลองที่ปลูกอย่างยั่งยืนโดยใช้การเกษตรเชิงฟื้นฟูใน Glass House ครั้งแรกใจกลางเมืองมาให้คนไทยได้สัมผัสในงาน ‘เนสกาแฟเดย์’ ภายใต้แนวคิด ‘ชงเนสกาแฟปลูกความยั่งยืน’ เพื่อฉลองวันกาแฟสากลในปีนี้ ซึ่งจัดขึ้นที่แฟชั่นฮอลล์ สยามพารากอน
นอกจากนี้ เนสกาแฟยังเปิดโอกาสให้คอกาแฟได้ดื่มด่ำกาแฟคุณภาพดีจากสวนที่ปลูกอย่างยั่งยืนที่ คาเฟ่สไตล์รักษ์โลก และเชิญทีมพรีเซนเตอร์ นำโดย ณเดชน์ คูกิมิยะ กลัฟ-คณาวุฒิไตรพิพัฒนพงษ์ ต่อ-ธนภพ ลีรัตนขจร หนุ่ม-กรรชัย กำเนิดพลอย และ แจม-รชตะหัมพานนท์ มาพูดคุยถึงเรื่องราวกาแฟและความยั่งยืนในด้านต่าง ๆ ของเนสกาแฟ พร้อมแชร์เคล็ดลับในการส่งต่อความยั่งยืนให้โลก บอกเล่าเรื่องราวดี ๆ ของบรรจุภัณฑ์รักษ์โลกของเนสกาแฟ และร่วมกันปลูกต้นไม้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเกษตรเชิงฟื้นฟูที่จะช่วยสร้างความสมบูรณ์และความหลากหลายทางชีวภาพในสวนกาแฟเพื่อสร้างความยั่งยืนทั้ง 4 ชนิด ได้แก่ ต้นยางนา ต้นตะเคียน ต้นสะเดาเทียม และต้นจำปาทอง ซึ่งล้วนเป็นต้นไม้ที่ให้ร่มเงาในสวนกาแฟที่สามารถคลุมดิน กักเก็บความชื้น และช่วยดูดซับคาร์บอน พร้อมปักป้ายชื่อในกระถางกันทุกคน และยังสามารถนำไป ถ่ายภาพเก๋ๆกับแก้วแดงยักษ์ ได้อีกด้วย
นายวิคเตอร์เซียห์ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหารเนสท์เล่อินโดไชน่าเปิดเผยว่า “กิจกรรมในครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของเนสท์เล่ในการขับเคลื่อนการเกษตรเชิงฟื้นฟูภายใต้โครงการ ‘เนสกาแฟแพลน 2030’ โดยมีเป้าหมายในการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้แก่วงการกาแฟในประเทศไทย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นของเนสท์เล่ในการดำเนินงานเพื่อบรรลุเป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2050”
นางสาวศรีประภาจิงประเสริฐสุข ผู้จัดการธุรกิจกาแฟสำเร็จรูปและครีมเทียม บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด กล่าวว่า“เราจะนำต้นไม้ไปปลูกที่บริเวณสวนกาแฟในจังหวัดชุมพร และส่งมอบต้นไม้ส่วนหนึ่งให้กับสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อต่อยอดความยั่งยืน และฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพในอีกหลาย ๆ จังหวัดในประเทศไทย”
ณเดชน์ กลัฟ ต่อ เปิดเคล็ดลับส่งต่อความยั่งยืนให้โลก
ณเดชน์ กล่าวว่า “ผมว่าสิ่งที่ใกล้ตัวและทุกคนทุกบ้านสามารถทำได้ นั่นคือ การแยกขยะ หลักการง่าย ๆ ของผม คือ แยกประเภท และไม่ทิ้งเศษอาหารไปปะปนกับขยะอื่น ๆ เพราะถ้าเราแยกได้ บรรจุภัณฑ์จะเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลได้ ซึ่งมันจะช่วยลดการใช้พลังงาน ลดการใช้ไฟฟ้าน้อยลง และลดการปล่อยของเสียสู่โลก และจะเน้นเลือกใช้สินค้า บรรจุภัณฑ์รักษ์โลก อย่างเนสกาแฟก็จะมีโลโก้คำว่า “ฉันรีไซเคิลได้”
ต่อ ธนภพ เล่าว่า “ผมมองว่า ทุกคนไม่จำเป็นต้องทำอะไรที่ยิ่งใหญ่ เพราะต่อให้เป็นการเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ แต่ถ้าเราร่วมมือร่วมใจกัน ก็จะสามารถช่วยสร้างความยั่งยืนได้ ผมให้ความสำคัญเรื่องการลงมือทำ และยิ่งถ้าเราทำพร้อมกัน ทำทุกคน มันจะ impact มาก เพราะความยั่งยืนไม่สามารถจะเกิดจากคน ๆ เดียวได้ครับ และในวันที่ผมว่างจากการถ่ายละคร เวลาจะออกไปไหน ก็จะเดินชิลล์ ๆ หรือใช้บริการรถไฟฟ้า ไม่ขับรถ หรือใช้รถตู้ นั่งด้วยกันหลาย ๆ คน เป็นการ car pool ก็เป็นอีกทางที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ลดโลกรวนได้ครับ”
กลัฟ คณาวุฒิ เล่าว่า “การปลูกต้นไม้ก็เป็นการส่งต่อความยั่งยืนให้โลก มันอาจจะฟังดูเบสิกแต่จริง ๆ แล้ว คือการเพิ่มการดูดซับคาร์บอน สร้างความหลากหลายทางชีวภาพ สะท้อนถึงความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ ระบบนิเวศที่สมบูรณ์”
การเกษตรเชิงฟื้นฟูจากความทุ่มเทของเกษตรกรสู่กาแฟคุณภาพ
การเกษตรเชิงฟื้นฟูเป็นเรื่องใกล้ตัวของทุกคน จุดเริ่มต้นของกาแฟคุณภาพของเนสกาแฟมาจากวัตถุดิบ หรือเมล็ดกาแฟคุณภาพที่ปลูกอย่างยั่งยืนด้วยความทุ่มเทของเกษตรกรไทย เนสท์เล่ เป็นผู้ริเริ่มส่งเสริมการเกษตรเชิงฟื้นฟู ซึ่งเป็นการทำเกษตรกรรมแนวใหม่ที่ส่งเสริมการปลูกกาแฟคุณภาพควบคู่กับการดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน และเป็นหัวใจหลักของ
‘เนสกาแฟ แพลน 2030’ โครงการด้านความยั่งยืนระดับโลก ซึ่งเนสท์เล่มุ่งส่งเสริมและให้ความรู้กับเกษตรกรไทยมานานหลายทศวรรษ เมล็ดกาแฟทุกเมล็ดที่รับซื้อจากเกษตรกรมาผลิตเป็นเนสกาแฟ ได้รับการรับรองมาตรฐานการเพาะปลูกอย่างยั่งยืนระดับโลก ที่เรียกว่า 4C 100%
หัวใจของการเกษตรเชิงฟื้นฟูมุ่งเน้นการ ปกป้อง–ทดแทน–ฟื้นฟู ความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรที่เกี่ยวข้องกับการเพาะปลูกกาแฟโดยเฉพาะอย่างยิ่งดินและน้ำ เช่น การส่งเสริมให้ปลูกพืชคลุมดิน การป้องกันการชะล้างพังทลายของหน้าดิน การนำเศษวัสดุเหลือทิ้งในฟาร์มกลับมาทำปุ๋ยหมักซึ่งเป็นปุ๋ยอินทรีย์ทดแทนการใช้ปุ๋ยเคมี นอกจากนี้ เนสกาแฟยังส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกพืชหลากชนิดเพื่อเพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพและยังเป็นการเสริมรายได้ให้เกษตรกรอีกด้วย
การทำการเกษตรเชิงฟื้นฟูสร้างคุณค่าให้ทุกภาคส่วนในสังคมไทยแบบ Triple Win+ เพื่อโลก เพื่อเราทุกคน ได้แก่ Win อันดับที่ 1 คือ ความมุ่งมั่นของเนสท์เล่ในการสร้างความมั่นคงทางอาหารผ่านการสร้างผลผลิตทางการเกษตรที่มั่นคงและเพียงพอ Win อันดับที่ 2 คือ ดูแลเกษตรกร เพื่อเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร ให้มีรายได้ที่ยั่งยืน และมีความพร้อมรับมือภาวะโลกร้อน Win อันดับที่ 3 คือ ฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม ด้วยการฟื้นฟูดิน ดูแลป่า ปกป้องแหล่งน้ำ เพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพ และลดคาร์บอน และ + คือ การสร้างคุณค่าให้กับผู้บริโภค ด้วยการส่งมอบกาแฟคุณภาพจากวัตถุดิบคุณภาพให้กับคอกาแฟชาวไทย และส่งต่อโลกที่น่าอยู่ให้กับคนรุ่นต่อไป
มุ่งสู่เป้าหมายในการใช้บรรจุภัณฑ์รักษ์โลก 100%
ด้วยความเชี่ยวชาญและขนาดธุรกิจของเนสท์เล่ บริษัทสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ เพื่อดูแลและฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม ด้วยการปรับเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ของเนสกาแฟให้มีความยั่งยืนมากขึ้น ได้แก่ 100% ของบรรจุภัณฑ์เนสกาแฟเบลนด์แอนด์บรู ทำมาจากพลาสติกตระกูลเดียวกันที่เรียกว่า Mono Structure ซึ่งได้รับการออกแบบให้สามารถนำไปรีไซเคิลได้ ในขณะที่ เนสกาแฟกระป๋องพร้อมดื่มทั้งหมด ได้เปลี่ยนมาเป็นกระป๋องอะลูมิเนียม ซึ่งสามารถนำไปรีไซเคิลได้ 100%และยังมีการใช้บรรจุภัณฑ์ที่ทำจากกระดาษในกลุ่มผลิตภัณฑ์เนสกาแฟ เบลนด์ แอนด์ บรู สูตรน้ำตาลน้อย และไม่มีน้ำตาลทราย ทดแทนพลาสติก
นาย ธนธร พันพานิชย์กุลผู้จัดการฝ่ายการตลาดอาวุโสกลุ่มผลิตภัณฑ์กาแฟพร้อมดื่มบริษัทเนสท์เล่ (ไทย) จำกัด กล่าวเสริมว่า “เนสกาแฟมุ่งมั่นที่จะสร้างความยั่งยืน ทั้งหลักการเกษตรเชิงฟื้นฟูและใส่ใจในเรื่องการออกแบบบรรจุภัณฑ์ เนสกาแฟทุก ๆ แก้วที่คุณดื่ม มีส่วนช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ให้ดีขึ้น เพราะเบื้องหลังกาแฟคุณภาพของเนสกาแฟคือ ความทุ่มเทของเกษตรกรชาวสวนกาแฟไทย”
คุณก็มีส่วนร่วมฟื้นฟูดูแลโลกให้น่าอยู่ได้ มาร่วม #ชงเนสกาแฟปลูกความยั่งยืน ในวันกาแฟสากลปีนี้กันเถอะ