จากต้นฉบับเพลง “มือปืน” ระดับมาสเตอร์พีซของ “ปู-พงษ์สิทธิ์ คำภีร์” ที่มียอดวิวกว่า 36 ล้านวิว ครั้งนี้ “สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล” ได้เลือกนำบทเพลงที่ทรงพลังนี้ให้โลดแล่นผ่านเพลงประกอบภาพยนตร์ “ขุนพันธ์ 3” เวอร์ชั่นพิเศษ โดย 2 ศิลปินผู้ให้ชีวิตจอมโจรผู้ยิ่งใหญ่แห่งเทือกเขาบูโด และเสือที่ไม่มีใครกล้าต้านทานในภาพยนตร์ อย่าง น้อย วงพรู (กฤษดา สุโกศล แคลปป์)ผู้รับบท “อัลฮาวียะลู” ใน “ขุนพันธ์ภาคแรก” และ โตโน่ (ภาคิน คำวิลัยศักดิ์)ผู้รับบท “เสือดำ” ใน “ขุนพันธ์ 3”
โดยได้ “หมู – อภิชาติ พรมรักษา” นักดนตรี นักแต่งเพลง และสมาชิกคนสำคัญของวงร็อคระดับตำนานอย่าง BIG ASS แท็กทีม “เชาวเลข สร่างทุกข์” นักแต่งเพลงผู้ร่วมก่อตั้งสมอลล์รูม ร่วมเป็นโปรดิวเซอร์ ดูแลการผลิต และรีอะเรนจ์เพลง “มือปืน” ขึ้นใหม่ อีกทั้งยังได้ “เอกชัย ประตังทะสา” นักร้องนำและมือกีตาร์ Clockwork Motionless มาช่วยผสมผสานกับดนตรีภาคเครื่องสาย และ “เทิดศักดิ์ จันทร์ปาน” คอมโพสเซอร์ดนตรีประกอบภาพยนตร์ขุนพันธ์ สู่เวอร์ชั่นบทเพลงประกอบภาพยนตร์ “ขุนพันธ์ 3” ในคอนเซ็ปต์ที่แบทเทิล อย่างดุเดือดผ่านพลังแห่งเสียงร้องแห่งศิลปินและจิตวิญญาณของนักแสดงที่เป็นตัวแทนฝั่งเสือในจักรวาลแห่งขุนพันธ์ โดยมีการตีความ “มือปืน” ที่หมายถึงเหล่าเสือ และโจรทั้งหลายที่ล้วนแต่มีนายของตนในความหมายที่แตกต่าง บางคนอาจมีนายเป็นอำนาจ บางคนอาจมีนายเป็นความจน บางคนอาจมีนายเป็นความแค้นฝังรากลึก หรือแม้แต่อุดมการณ์… ไม่เว้นแม้แต่นายตำรวจคงกระพันอย่างขุนพันธ์เอง
ซึ่งโปรดิวเซอร์อย่าง เชาวเลข กล่าวถึงการทำเพลงในเวอร์ชั่นนี้ว่า “เสน่ห์ของภาพยนตร์และเสน่ห์ของเพลงเหมือนเป็นลีเจนด์ทั้งคู่เลยครับ ทั้งคู่เป็นตำนาน ความพิเศษของเพลง มือปืน อยู่ที่เนื้อหาครับ ในการเล่าของพี่ปู พงษ์สิทธิ์ที่พูดถึงเรื่องของมือปืนคนหนึ่งที่มีเจ้านาย ทำตามเจ้านายสั่ง แล้วฆ่าทุกคน ส่วนมือปืนที่อยู่ใน ขุนพันธ์ ผมเชื่อว่าเขามีเจ้านายที่มองไม่เห็นอยู่ มันอาจจะเป็นความกลัว กลัวที่จะอดอยาก กลัวที่จะไม่เป็นที่ยอมรับ หรือแม้กระทั่งกลัวตายก็ตาม ถึงต้องฆ่าทุกคนที่เกี่ยวข้อง เพลงนี้จะเป็นการดวลกันระหว่างพี่น้อยกับโตโน่นักแสดงจริงๆในเรื่อง ในการทำเพลงผมจะมุ่งเน้นไปที่ว่า ทำยังไงให้เนื้อหามันออกมาชัดเจนที่สุด แล้วก็สามารถถ่ายทอดอารมณ์ของมือปืนที่อยู่ในหนังเรื่องขุนพันธ์ออกมาได้ดีที่สุด อันนี้คือ สิ่งที่อยากให้ทุกคนได้
เห็นในเพลงนี้ แล้วนอกจากที่ทั้งคู่จะมาดวลกันในแง่ของเสียงเพลงแล้ว ผมเชื่อว่าการที่เพลงถูกถ่ายทอดโดยนักแสดงจริงๆ ที่อยู่ในเรื่องนั้นๆ มันต้องมีอะไรพิเศษบางอย่างออกมาแน่ๆครับ”
ขณะที่ หมู บิ๊กแอส กล่าวว่า “เรามาตีความใหม่ในมุมมองของหนัง มารีอะเรนจ์ใหม่ ซึ่งพีน้อยและโน่เป็นคนหนังทั้งคู่ เป็นคนที่มองเพลงเป็นภาพทั้งคู่ ก็เลยสามารถถ่ายทอดเพลงให้มันเห็นเป็นภาพได้ และทั้งคู่ต่างร้องเพลงในเวอร์ชั่นที่เป็นของตัวเอง แล้วมาจบที่ช่วงแบทเทิลกัน สไตล์ของโน่ก็จะมีความเป็นร็อค ของพี่น้อยที่จะออกมาแบบโอเปร่านิดหนึ่งครับ พอมาอยู่ด้วยกันแล้วมันก็น่าสนใจมากๆทุกครั้งทุกท่อนที่ฟังคือขนลุกตลอด เพลงเวอร์ชั่นนี้จะออกมาค่อนข้างมาในแนวทางร็อคสมัยใหม่เพลงมีความร่วมสมัยขึ้น มีเสียงพวกออเครสตร้า มีเครื่องสายเข้ามา ผมว่า เพลงนี้มันจะเป็นสื่อกลางให้ทั้งคนดูแล้วก็หนังสามารถที่จะเชื่อมโยงกันได้ เพราะว่าหนังก็จะมีความตรงไปตรงมา แล้วด้วยความที่โปรดักชั่นเองมีความสวยงาม อลังการ ผมว่าน่าจะอยู่ด้วยกันได้กับเพลงร็อคที่ค่อนข้างจะเข้มข้นครับ”