ความลักชัวรีไม่ใช่แค่ผลิตภัณฑ์ หากแต่คือปรัชญา ปรัชญาแห่งการออกแบบและรังสรรค์ความงามอันยั่งยืนแม้กาลเวลาเปลี่ยนผ่าน ทั้งยังทะลายกรอบแนวคิดเดิมๆ และความฟุ้งเฟ้อเกินจริง เพื่อเข้าถึงแก่นแท้ของสรรพสิ่ง ลดทอนรายละเอียดการสร้างสรรค์แล้วเพิ่มความพิถีพิถันลงไป ในงานฝีมือ รูปทรง คุณภาพ และความอุตสาหะในการถักทอรังสรรค์เหล่านี้คือสิ่งที่ถูกถ่ายทอดลงใน Giuseppe Zanotti Spring- Summer 2025 Collection ได้อย่างชัดเจน
ในคอลเลคชันนี้ ได้สะท้อนให้เห็นถึงสไตล์อันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็นงานประติมากรรมด้วยวัสดุโลหะและอัญมณี ที่ไม่เพียงแต่เป็นแอคเซสเซอร์รีส์อันงดงามเท่านั้น
แต่ยังเผยให้เห็นถึงความสำคัญและส่วนประกอบที่จำเป็นของรองเท้าและกระเป๋า ผ่านงานฝีมืออันเปื่ยมด้วยทักษะของช่างผู้เชี่ยวชาญที่รังสรรค์ ส่วนประกอบเหล่านี้ให้กลับมีมิติ เปี่ยมด้วยพลัง และความเปล่งประกาย ดอกไม้โลหะประดับบนสายรัดไรน์สโตน (Rhinestone) และโลหะแผ่นกลมสีทอง
คือรายละเอียดคือพบได้ในผลงานออกแบบของ Giuseppe Zanotti คอลเลคชันนี้ รูปทรงของรองเท้าในคอลเลคชันนี้แลดูเรียบง่าย มีกลิ่นอายของรูปทรงเรขาคณิตที่พิถีพิถันรวมถึงทรงเหลี่ยมที่มาพร้อมกับส้นรองเท้าแบบบล็อกที่แน่นหนา ไม่ว่าจะเป็นรุ่น Mya แบบเปิดส้นและ Brendha ที่มีสายรัดส้นด้านหลัง ประดับด้วยแอคเซสเซอร์รีส์โลหะ, สายรัดอัญมณี และเส้นแผ่นหนังถักด้วยมือ รายละเอียดที่มีการเปลี่ยนแปลงคือส้นรองเท้าที่เพรียวบางลง หรูหรา แลดูเย้ายวนยิ่งขึ้นในทุกๆ ย่างก้าวด้วยเส้นหนังที่ถูกมัดปมเล็กๆ ด้วยมือจับคู่กับรองเท้าทรงไอคอนิคอย่าง Intriigo โอบรัดฝ่าเท้าไว้พร้อมด้วยดอกไม้โลหะและอัญมณีแวววาว เติมประกายระยิบระยับให้กับรูปทรงอันเรียบง่ายและเพรียวบาง
ส่วนรองเท้ารุ่นส้นแบนในคอลเลคชันนี้ ไม่ว่าจะเป็นรองเท้าบัลเลต์ที่เหมาะสำหรับสวมใส่ตอนกลางวัน ไปจนถึงรองเท้าแบบแหวนสวมนิ้วที่มอบความหรูหราคลาสสิค เช่นเดียวกับรองเท้าส้นเตี้ยแบบหนีบรูปตัว T ที่ตกแต่งด้วยปมขนาดเล็ก, ประดับไรน์สโตนและโลหะดีไซน์หัวเข็มขัด ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากยุค 1970s คอลเลคชันนี้ใช้โทนสีที่อบอุ่น เรียบง่าย และดูเป็นธรรมชาติอย่างสีดำ สีน้ำตาลเข้ม และหนังที่ประดับด้วยสีแดงและสีน้ำเงิน เพื่อเพิ่มความสดใส มีชีวิตชีวา รวมถึงสีทองด้าน สีเงิน และสีบรอนซ์ ที่มอบกลิ่นอายแอนทีคอันหรูหรา ในปี 2024 นี้ยังเป็นปีฉลองครบรอบ 30 ปีของแบรนด์ จึงได้รังสรรค์แคปซูลคอลเลคชันโดยได้นำรองเท้าส้นเตี้ยรุ่น Ring อันเป็นดีไซน์สุดไอคอนิคมาตีความใหม่ให้เกิดเป็นรูปลักษณ์ที่ หรูหรา คลาสสิคไร้กาลเวลา เช่นเดียวกับรองเท้าส้นแบนรุ่นคลาสสิคอื่นๆ ที่ได้รับการปรับโฉมเป็นส้นต้นให้มีความร่วมสมัยยิ่งขึ้น
“เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่เกิดความเปลี่ยนแปลงอันลึกซึ้งในสังคมของเรา สะท้อนไปยังพฤติกรรมการบริโภคสินค้าแฟชั่น ที่ผู้บริโภคต่างรู้สึกเบื่อหน่ายกับสินค้าที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วในแต่ละฤดูกาล จนกระทั่งกลายเป็นแบบแผนที่ปฏิบัติต่อกันมาอย่างเคร่งครัด แบรนด์ของเราได้นำเสนอความต้องการใหม่ๆ ที่ผ่านการศึกษามาอย่างถี่ถ้วนเพื่อออกจากแนวคิดคอนเซ็ปต์ตามฤดูกาลเหล่านั้น ด้วยดีไซน์รองเท้าที่ออกแบบมาเพื่อให้ถูกสวมใส่ได้อย่างยาวนาน”