Shoplus เผยหลังจากประสบความสำเร็จด้วยตัวเลขการเติบโตถึง 280% ในปี 2563 และเพื่อรองรับการเติบโตของแบรนด์ใหญ่ๆ ที่หันมาเพิ่มการลงทุนและการให้ความสำคัญด้านโซเชียลคอมเมิร์ซเพิ่มมากขึ้น Shoplus จึงมีแผนเปิดตัวบริการใหม่ พร้อมเพิ่มจำนวนพนักงาน และเปิดตัวแพ็กเกจบริการที่เหมาะกับลูกค้าที่เป็นแบรนด์ใหญ่เพิ่มขึ้น โดยในปี 2564 นี้ Shoplus ตั้งเป้าเติบโตเพิ่มขึ้น 300% สอดรับกับพฤติกรรมการค้าปลีกรูปแบบใหม่ช่องทางออนไลน์ ซึ่งการค้าปลีกแบบเดิมถูกลดความสำคัญและมีผู้เล่นอีคอมเมิร์ซรายใหญ่ขึ้นมาแทนที่[1]
แบรนด์จำนวนมากขยายช่องทางการขายสู่การไลฟ์สด ซึ่ง Shoplus ประเทศไทยได้พัฒนาเครื่องมือช่วยให้ร้านค้าสามารถไลฟ์สดขายสินค้าของแบรนด์บนอินสตาแกรมได้เช่นเดียวกับทางเฟซบุ๊ก “การไลฟ์ขายสินค้าผ่านฟีเจอร์ไลฟ์บนอินสตาแกรมกำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง” คิมมี เฉิน ผู้จัดการทั่วไป Shoplus กล่าว โดยเทคโนโลยีเพื่อการไลฟ์สดบนช่องทางอินสตาแกรมของ Shoplus จะตรวจจับและจัดเรียงคอมเม้นท์ของลูกค้าให้อัตโนมัติระหว่างการไลฟ์สดเพื่อให้ร้านค้าสามารถขายสินค้าได้จำนวนมากขึ้นและช่วยมอบประสบการณ์ที่ดีกว่าให้แก่ลูกค้า
นอกจากการขยายช่องทางการขายมาทางโซเชียลมีเดียแล้ว แบรนด์และร้านค้าปลีกต่างมองหาวิธีการที่จะสามารถเข้าใจพฤติกรรมของลูกค้าบนช่องทางโซเชียลมีเดียได้อย่างมีประสิทธิภาพขึ้นเช่นกัน
“เราต่างตระหนักดีว่าข้อมูลเป็นสินทรัพย์ที่มีค่า โดย Shoplus นำเครื่องมือเรียนรู้ด้วย AI มาใช้สร้างระบบ CRM ที่เปิดโอกาสให้ร้านค้าสามารถแนะนำสินค้าหรือบริการเพิ่มเติม พัฒนาคุณภาพบริการและรักษาฐานลูกค้า รวมถึงออกแบบกลยุทธ์มัดใจลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ” คิมมี กล่าวเสริม
“เราได้พูดคุยและร่วมงานใกล้ชิดกับร้านค้าที่เป็นลูกค้าของเราเพื่อหาวิธีที่จะช่วยร้านค้าเพิ่มยอดขายและสร้างปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น และเราเชื่อมั่นว่าบริการที่เราพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่องจะช่วยให้ลูกค้าแบรนด์ในประเทศไทยของเรามุ่งสู่ความสำเร็จได้ตามเป้า” Shoplus มอบบริการจัดการคำสั่งซื้ออัตโนมัติแบบครบวงจร ไม่ว่าจะเป็น ระบบจัดการออเดอร์ ระบบชำระเงิน การจัดส่งใบแจ้งหนี้ ไปจนถึงการจัดส่งสินค้า เพื่อให้แบรนด์สามารถสร้างประสบการณ์ที่มีค่าแก่ลูกค้าในระหว่างการไลฟ์สดไปจนถึงการเพิ่มยอดขาย โดยสามารถติดตั้ง Shoplus ในเวลาเพียงไม่กี่นาที ด้วยการเชื่อมต่อกับเพจเฟซบุ๊กของแบรนด์เข้ากับระบบของ Shoplus ซึ่งสามารถเพิ่มจำนวนแอดมินได้หลายคนในการดูแลการไลฟ์และตรวจสอบคำสั่งซื้อ โดยสามารถเพิ่มสินค้าเข้าสู่ระบบด้วยรูปแบบเฉพาะของ Shoplus ที่ออกแบบมาให้จัดการการขายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นระหว่างการไลฟ์ขายสินค้า
แบรนด์มากมายในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ประสบความสำเร็จจากการขายสินค้าผ่านการไลฟ์สด แบรนด์ใหญ่อย่าง ยูนิลีเวอร์ และ NCCC Supermarket ในฟิลิปปินส์ เปิดตัวระบบอัตโนมัติบน Facebook Messenger ให้ลูกค้าสามารถซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคและของใช้จำเป็นในชีวิตประจำวันต่างๆได้สะดวกมากขึ้น โดยเทคโนโลยี AI อัจฉริยะของ Shoplus ช่วยบริหารจัดการขายสินค้ามากกว่า 1,000 รายการ จัดการออเดอร์ มอบช่องทางการชำระเงินที่หลากหลาย รวมถึงจัดเวลาขนส่งสินค้า ซึ่งในช่วงสัปดาห์แรก Shoplus ช่วยให้แบรนด์สามารถเชื่อมต่อกับลูกค้าใหม่ๆ ผ่านช่องทาง Facebook Messenger กว่า 17,000 ราย และภายใน 6 สัปดาห์ที่แบรนด์เปลี่ยนช่องทางการสื่อสารกับลูกค้าจากออฟไลน์เป็นออนไลน์ สามารถลดต้นทุนได้กว่า 78% และสร้างยอดขายเมื่อเทียบกับค่าโฆษณาได้สูงถึง 4.9 เท่า ร้านค้าออนไลน์จึงยังคงมีความสำคัญอย่างต่อเนื่องไม่ใช่แค่เพียงในช่วงแรกของการเกิดการปิดหน้าร้านจากโรคโควิดเท่านั้น
“ปัจจุบันพฤติกรรมการซื้อของลูกค้าเปลี่ยนไปและหันมาช้อปปิ้งผ่านโซเชียลมีเดียมากขึ้น นักช้อปกว่า 52% ในประเทศไทยมีปฏิสัมพันธ์กับร้านผ่านโซเชียลมีเดียก่อนตัดสินใจซื้อสินค้า แบรนด์ควรให้ความสำคัญกับการตอบรับเทรนด์ไลฟ์สดขายสินค้าเพื่อตอบสนองพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป และ Shoplus ได้มอบบริการสำเร็จรูปแบบครบวงจรที่สามารถปรับเปลี่ยนเพื่อให้เหมาะกับแต่ละแบรนด์มากที่สุด” คิมมี กล่าวเสริม
บริการใหม่จาก Shoplus ครอบคลุมทั้งฟีเจอร์ไลฟ์สดบนเฟซบุ๊กและอินสตาแกรม ช่วยส่งเสริมการขายสินค้าผ่านไลฟ์สดและข้อมูลพฤติกรรมเชิงลึกของลูกค้าของแบรนด์ โดยมีแพ็กเกจ AI Master ที่ครอบคลุมทั้งระบบจัดการออเดอร์ แชทบอทอัตโนมัติ และ ฟีเจอร์จัดการการขาย เพื่อการไลฟ์สดขายสินค้าบนเฟซบุ๊กและอินสตาแกรม และแพ็กเกจ Social CRM ที่ช่วยให้แบรนด์เข้าใจพฤติกรรมและความชอบของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น แบรนด์สามารถใช้บริการครบทุกฟังก์ชั่นอย่างครอบคลุมในราคา 100,000 บาทต่อเดือน และยังมีแพ็กเกจ AI Professional สำหรับธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และ AI Starter สำหรับร้านค้าอิสระขนาดเล็กอีกด้วย