WHAT'S NEWS » สัมผัสประสบการณ์แห่งเรือนเวลาหรูสุดยอดนวัตกรรมล่าสุด จากแบรนด์ “มิโด” (MIDO) ในงาน “MIDO Novelties Presentation 2024” จากแบรนด์ “มิโด” (MIDO) ในงาน “MIDO Novelties Presentation 2024”

สัมผัสประสบการณ์แห่งเรือนเวลาหรูสุดยอดนวัตกรรมล่าสุด จากแบรนด์ “มิโด” (MIDO) ในงาน “MIDO Novelties Presentation 2024” จากแบรนด์ “มิโด” (MIDO) ในงาน “MIDO Novelties Presentation 2024”

25 มีนาคม 2024
253   0

เหล่าคนรักนาฬิกาหรูไม่ควรพลาด! กับการรวมสุดยอดเรือนเวลาดีไซน์คลาสสิกที่มาพร้อมกับนวัตกรรมอันทันสมัย จากแบรนด์ “มิโด” (MIDO) แบรนด์นาฬิกาชั้นนำจากสวิตเซอร์แลนด์ ในเครือ เดอะ สวอท์ช กรุ๊ป เทรดดิ้ง (ประเทศไทย) นำโดย ตุลพร วัฒนาศรมศิริ ผู้อำนวยการผลิตภัณฑ์ “มิโด” (MIDO) ประเทศไทย ได้จัดงาน “MIDO Novelties Presentation 2024” อวดโฉมเรือนเวลา 6 คอลเลกชั่นไฮไลท์น่าสะสมประจำปี 2024

ได้แก่ “มัลติฟอร์ต ทีวี บิ๊ก เดท” (Multifort TV Big Date), มัลติฟอร์ต ทีวี 35 (Multifort TV 35) , “โอเชี่ยน สตาร์ จีเอ็มที สเปเชียล อีดิชั่น” (Ocean Star GMT Special Edition), “มัลติฟอร์ต แพทริโมนี  พาวเวอร์ไวด์” (Multifort Patrimony Powerwind), “มัลติฟอร์ต เอ็ม ฟรีซ” (Multifort M Freeze) และ “คอมมานเดอร์ เลดี้” (Commander lady) มาให้เหล่าคนรักนาฬิกาได้ชมพร้อมกันภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘Inspired By New Visions’ ที่ต่อยอดความสำเร็จจากปีที่ผ่านมา ด้วยการนำเอาแนวคิดอันเป็นหัวใจหลักของนาฬิการุ่นยอดนิยมอย่าง ‘มัลติฟอร์ต ทีวี บิ๊ก เดท’  มารังสรรค์ใหม่ด้วยเทคนิคการถ่ายทอดเรื่องราวผ่านเทคโนโลยีที่สร้างความกลมกลืนระหว่างโลกจริงกับโลกเสมือน (Immersive experience) บอกเล่าตัวตนของเรือนเวลาไฮไลท์ประจำปี 2024 ในบรรยากาศบาร์ลับใจกลางเมืองที่ร้าน Kilik Social Club โครงการ Warehouse สุขุมวิท 26 ในค่ำคืนที่ผ่านมา

โดยในงานได้รับเกียรติจากเหล่าเซเลบริตี้แฟนคลับแบรนด์ตบเท้าเข้าร่วมงาน อาทิ หม่อมหลวงอรรถดิศ ดิศกุล, ธัญวรรณ เทพหัสดิน ณ อยุธยา, รินทร์รตา อินทามระ, ณรงค์ฤทธิ์ ศรีตลานนท์ และเฉลิมพล อัครภิญโญสกุล

ร่วมถึงเหล่านักแสดงชื่อดังที่มาร่วมถ่ายทอดสไตล์อันโดดเด่นผ่านเรือนเวลาหรู อาทิ มีน-พีรวิชญ์ อรรถชิตสถาพร, ณ-ณภัทร วิกัยรุ่งโรจน์ และ มะปราง-อลิสา ขุนแขวง

“มิโด” (MIDO) แบรนด์นาฬิกาที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 100 ปี นับตั้งแต่ จอร์จ แชแรน (GEORGES SCHAEREN) เริ่มก่อตั้งบริษัท MIDO G.SCHAEREN & CO. AG ขึ้นที่เมืองโซโลธูร์น ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ตั้งแต่ ค.ศ. 1918 ภายใต้ปรัชญาของการสร้างสรรค์แบรนด์ให้อยู่เหนือกาลเวลาด้วยแนวคิดการออกแบบที่ร่วมสมัย ผ่านการคัดเลือกวัสดุคุณภาพเยี่ยมที่มีความหรูหรา ทนทาน และยังคงไว้ซึ่งฟังก์ชันการใช้งานที่ครบถ้วน

ตุลพร วัฒนาศรมศิริ กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการจัดงานครั้งนี้ว่า “งาน MIDO Novelties Presentation 2024 เป็นการเปิดตัวเรือนเวลาไฮไลท์คอลเลกชั่นใหม่ล่าสุดประจำปี 2024 เผยโฉม 6 คอลเลกชั่นดีไซน์ล่าสุดที่จะถูกวางจำหน่ายในปีนี้ ที่ผสมผสานกลิ่นอายสไตล์วินเทจเข้ากับเทคโนโลยีอันทันสมัย ถ่ายทอดสู่เรือนเวลาที่โดดเด่นด้านงานดีไซน์และฟังก์ชั่นที่สามารถตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของผู้สวมใส่เอาไว้ได้เป็นอย่างดี โดยคอนเซ็ปต์งานครั้งนี้คือ Inspired By New Visions ที่ต่อยอดความสำเร็จมาจากการเปิดตัวมัลติฟอร์ต ทีวี บิ๊กเดท ในปี 2023 ที่ผ่านมา ด้วยการใช้เทคโนโลยีที่สร้างความกลมกลืนระหว่างโลกจริงกับโลกเสมือน (Immersive experience) เพื่อให้ผู้เข้าร่วมงานได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่ในการรับชมเรือนเวลานี้ไปพร้อมๆ กัน”

สำหรับ 6 คอลเลกชั่นเรือนไฮไลท์ประจำปี 2024 ภายในงาน  “MIDO Novelties Presentation 2024” ประกอบด้วย คอลเลกชั่น “มัลติฟอร์ต ทีวี บิ๊ก เดท” (Multifort TV Big Date) ที่ต่อยอดความสำเร็จหลังจากการเปิดตัวในปี 2023 ที่ผ่านมา โดยครั้งนี้มาพร้อมกับ 2 เฉดสีใหม่ ได้แก่ ‘มัลติฟอร์ต ทีวี บิ๊ก เดท โรส โกลด์ พีวีดี’ (Multifort TV Big Date – Rose Gold PVD) มาในกรอบตัวเรือนสแตนเลสสตีลเคลือบ PVD สีโรสโกลด์สุดหรูเข้ากับสายนาฬิกายางสีน้ำตาลเข้มเข้ากันได้เป็นอย่างดี ด้านหน้าปัดมีการไล่เฉดสีน้ำตาลไปจนเป็นสีดำเข้มบริเวณขอบได้อย่างสวยงาม และ ‘มัลติฟอร์ต ทีวี บิ๊ก เดท แบล็ก พีวีดี’ (Multifort TV Big Date – Black PVD) ที่มีตัวเรือนสแตนเลสสตีลเคลือบ PVD สีดำเข้มทั้งกรอบตัวเรือนและสายสแตนเลสสตีล มาพร้อมกับหน้าปัดไล่เฉดสีในโทนสีดำที่ตัดกับสีของหมุดบอกเวลา เข็มนาฬิกา และตัวเลขวันที่ในโทนสีส้มอันเป็นสีเอกลักษณ์ของมิโดได้อย่างงดงาม โดยทั้ง 2 ตัวเรือนนี้ขับเคลื่อนด้วยกลไกอัตโนมัติคาลิเบอร์ 80 (Caliber 80) ที่สามารถสำรองพลังงานได้สูงสุด 80 ชั่วโมง พร้อมบาลานซ์สปริงที่ผลิตจากนิวาครอง (Nivachron™) ช่วยเสริมกลไกให้แข็งแรงทนทานต่อแรงกระแทกและสนามแม่เหล็กด้วย ด้านหน้าปัดมีช่องแสดงวันที่ขนาดใหญ่ (Big Date) ตรงตำแหน่ง 12 นาฬิกา ครอบทับด้วยกระจกคริสตัลแซฟไฟร์เคลือบสารกันแสงสะท้อนทั้งสองด้าน พร้อมเข็มนาฬิกาและหมุดบอกเวลาที่ถูกเคลือบด้วยสารเรืองแสงซูเปอร์ลูมิโนวา (Super-luminova®) ช่วยอ่านเวลาในยามค่ำคืนหรือบริเวณแสงน้อย โดยบริเวณด้านหลังตัวเรือนแสดงให้เห็นกลไกอันทรงพลังผ่านกระจกใสสุดโดดเด่น

นอกจากนี้มิโดยังเพิ่มความสมบูรณ์แบบให้กับนาฬิกาจากตระกูลคอลเลกชั่นมัลติฟอร์ต ทีวี ที่ตอบโจทย์เหล่าหญิงสาวที่มีสไตล์ด้วยขนาดตัวเรือนใหม่กับคอลเลกชั่น “มัลติฟอร์ต ทีวี 35” (Multifort TV 35) มาในตัวเรือนสแตนเลสสตีลขนาดหน้าปัดเส้นผ่านศูนย์กลาง 35 มิลลิเมตร โดยหน้าปัดตัวเรือนถูกตกแต่งด้วยเปลือกหอยมุกแท้โทนสีขาวสุดหรู (Mother of pearl)  พร้อมเพชรน้ำงามจำนวน 6 เม็ด ที่ถูกจัดวางแทนหมุดบอกเวลาตรงตำแหน่ง 1, 2, 4, 5, 7, 8, 10 และ 11 นาฬิกา เพิ่มความหรูหราได้อย่างลงตัว  ด้านบริเวณตำแหน่ง 12 นาฬิกา ถูกแทนด้วยช่องแสดงวันที่ (Date) ส่วนเข็มนาฬิกาถูกเคลือบด้วยสารเรืองแสงซูเปอร์ลูมิโนวา (Super-luminova®) ช่วยอ่านเวลาในยามค่ำคืนหรือบริเวณแสงน้อย พร้อมการขับเคลื่อนตัวเรือนด้วยกลไกอัตโนมัติคาลิเบอร์ 72 (Caliber 72) ที่มีบาลานซ์สปริงผลิตจากนิวาครอง (Nivachron™) เพิ่มความแข็งแรงทนทานต่อแรงกระแทกและสนามแม่เหล็ก และสามารถสำรองพลังงานได้ถึง 72 ชั่วโมง ซึ่งในตระกูลมัลติฟอร์ต ทีวี 35 รุ่นใหม่นี้ นอกจากหน้าปัดเปลือกหอยมุกสีขาวแล้วยังมีรุ่นหน้าปัดเปลือกหอยมุกสีฟ้าประดับเพชร รุ่นตัวเรือนและสายสีโรสโกลด์ หน้าปัดสีน้ำตาลให้ลุคหรูหรา พร้อมตัวเลือกหน้าปัดสีดำและน้ำเงินไล่เฉด ที่มาพร้อมสายสแตนเลสแท้สีเงินที่ให้ลุคสมาร์ทแต่มีระดับ

ถัดมาที่คอลเลกชั่น “โอเชี่ยน สตาร์ จีเอ็มที สเปเชียล อีดิชั่น” (Ocean Star GMT Special Edition) นาฬิกาดำน้ำดีไซน์ใหม่ล่าสุดที่ได้เฉลิมฉลองครอบรอบ 80 ปี กับคอลเลกชั่นโอเชี่ยน สตาร์ (Ocean Star) มาในตัวเรือนที่มีการติดตั้งฟังก์ชัน GMT ที่เหมาะสำหรับนักเดินทาง ในหน้าปัดเส้นผ่านศูนย์กลาง 40.5 มิลลิเมตร แสดงเวลาสองไทม์โซนที่แตกต่างกัน ได้แก่ เวลาของเมืองที่เดินทางมา (Home Time) และเวลาของเมืองที่เดินทางมาถึง (Local Time) สำหรับรุ่นสเปเชียล อีดิชั่นครั้งนี้มาในดีไซน์หน้าปัดสีน้ำเงินเข้มอันเป็นเอกลักษณ์ เสริมด้วยการตกแต่งบริเวณหมุดบอกเวลาในรูปทรงฟันปลาฉลามอันแหลมคม พร้อมกรอบเบเซิลอลูมิเนียมสีน้ำเงินเข้มที่สามารถหมุนได้ 2 ทิศทาง ด้านตัวหมุดบอกเวลาและเข็มนาฬิกาเคลือบด้วยสารเรืองแสงซูเปอร์ลูมิโนวา (Super-luminova®) ช่วยอ่านเวลาในยามค่ำคืนหรือบริเวณแสงน้อย มีช่องบอกวันที่ (Date) ตรงตำแหน่ง 3 นาฬิกา ครอบทับด้วยกระจกคริสตัลแซฟไฟร์เคลือบสารกันแสงสะท้อนทั้งสองด้านทรงกลาสบ็อกซ์ โดยตัวกลไกขับเคลื่อนด้วยกลไกอัตโนมัติคาลิเบอร์ 80 (Caliber 80) สามารถสำรองพลังได้สูงสุด 80 ชั่วโมง พร้อมบาลานซ์สปริงที่ผลิตจากนิวาครอง (Nivachron™) เพิ่มความแข็งแรงทนต่อแรงกระแทกและสนามแม่เหล็ก นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับสายนาฬิกา 2 สไตล์ ได้แก่ สายแสตนเลสสตีลแบบถักที่มีตัวล็อคแบบพับได้ พร้อมส่วนต่อขยายสำหรับทำกิจกรรมดำน้ำ และสายนาโต้สีน้ำเงินเข้มที่มีความทนทานสามารถสวมใส่ได้ในทุกโอกาส และความสามารถในการกันลึก 20 บาร์ / 200 เมตร

ต่อมาที่คอลเลกชั่น “มัลติฟอร์ต แพทริโมนี  พาวเวอร์ไวด์” (Multifort Patrimony Powerwind) นาฬิกาดีไซน์สไตล์วินเทจที่ถูกออกแบบให้มีความโดดเด่นสะดุดตาด้วยตัวเรือนหน้าปัดวงกลมสแตนเลสสตีลขัดซาตินขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 40 มิลลิเมตร เข้าคู่กับสายสแตนเลสสตีลแบบถักให้ลุคที่ดูคลาสสิกเรียบโก้ โดยคอลเลกชั่นนี้มีสีหน้าปัดที่หลากหลายสามารถเลือกเสริมลุคได้ตามความชอบ ได้แก่ สีเงิน, สีดำแอนทราไซต์, สีน้ำเงิน และสีเขียว บนหน้าปัดตรงตำแหน่ง 6 นาฬิกาถูกแทนด้วยช่องแสดงวันที่ (Date) ตัวเข็มนาฬิกาและหมุดบอกเวลาถูกเคลือบด้วยสารเรืองแสงซูเปอร์ลูมิโนวา (Super-luminova®) ช่วยอ่านเวลาในยามค่ำคืนหรือบริเวณแสงน้อย ครอบทับด้วยกระจกคริสตัลแซฟไฟร์ทรงกลาสบอกซ์ที่เป็นซิกเนเจอร์ และบริเวณด้านหลังตัวเรือนเผยโชว์กลไกอัตโนมัติคาลิเบอร์ 80 (Caliber 80) สามารถสำรองพลังได้สูงสุด 80 ชั่วโมง  พร้อมความสามารถในการกันลึก 5 บาร์ / 50 เมตร

คอลเลกชั่นถัดมา “มัลติฟอร์ต เอ็ม ฟรีซ” (Multifort M Freeze) เรือนเวลาดีไซน์สปอร์ตมาในตัวเรือนหน้าปัดขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 42 มิลลิเมตร โดดเด่นด้วยหน้าปัดไล่เฉดสีฟ้าที่ชวนให้นึกถึงความเย็นยะเยือกของน้ำแข็งบนพื้นผิวขัดลายซาตินแนวตั้งชวนให้นึกถึงลวดลาย Côtes de Genève ด้านเข็มนาฬิกาทั้งเข็มชั่วโมง เข็มนาที และหมุดบอกเวลาถูกเคลือบด้วยสารเรืองแสงซูเปอร์-ลูมิโนวา (Super-LumiNova®) ช่วยอ่านเวลาในยามค่ำคืนหรือบริเวณแสงน้อย ส่วนกระจกหน้าปัดผลิตจากคริสตัลแซฟไฟร์เคลือบสารกันแสงสะท้อนทั้ง 2 ด้าน มาพร้อมกระจกใสบริเวณหลังตัวเรือนที่โชว์ให้เห็นถึงกลไกอัตโนมัติคาลิเบอร์ 80 (Caliber 80) อันโดงดัง ที่สามารถสำรองพลังได้สูงสุด 80 ชั่วโมง ผสานกับบาลานซ์สปริงที่ผลิตจากนิวาครอง (Nivachron™) เพิ่มความแข็งแรงทนทานต่อแรงกระแทกและสนามแม่เหล็ก พร้อมความสามารถในการกันน้ำลึก 10 บาร์/ 100 เมตร

ปิดท้ายที่คอลเลกชั่น “คอมมานเดอร์ เลดี้” (Commander lady) สะท้อนเอกลักษณ์ความเฟมินีน สู่เรือนเวลาดีไซน์เหนือกาลเวลาที่มาในตัวเรือนสแตนเลสสตีลเคลือบ PVD สีเหลืองทองที่โดดเด่น มีขนาดหน้าปัดเส้นผ่าศูนย์กลาง 35 มิลลิเมตร พร้อมการตกแต่งหน้าปัดด้วยการขัดซันเรย์ซาตินรูปทรงเกลียวในโทนสีแชมเปญสุดหรู โดยมีช่องบอกวันที่ (Date) ตรงตำแหน่ง 3 นาฬิกา ครอบทับด้วยกระจกคริสตัลแซฟไฟร์ ขับเคลื่อนด้วยกลไกอัตโนมัติคาลิเบอร์ 72 (Caliber 72) ที่มีบาลานซ์สปริงผลิตจากนิวาครอง (Nivachron™) เพิ่มความแข็งแรงทนทานต่อแรงกระแทกและสนามแม่เหล็ก และสามารถสำรองพลังงานได้ถึง 72 ชั่วโมง พร้อมความสามารถในการกันน้ำลึก 5 บาร์/ 50 เมตร

โดยเหล่าแฟนคลับแบรนด์ “มิโด” (MIDO) ต่างร่วมเผยถึงเคล็ดลับการเลือกนาฬิกาและสไตล์ของนาฬิกาเรือนโปรด เริ่มจาก หนุ่มมาดเท่ หม่อมหลวงอรรถดิศ ดิศกุล เผยว่า “ถ้าต้องเลือกนาฬิกาสักเรือน เราแนะนำให้เลือกจากรูปแบบการใช้งานในชีวิตประจำวัน ถ้าเป็นเรือนสำหรับใช้งานทั่วไป อาจจะเลือกจากดีไซน์ที่มีความเรียบง่าย คลาสสิก แต่ถ้าใครเป็นสายกิจกรรมก็ควรเลือกนาฬิกาที่มีความทนทาน กันกระแทกได้ดี มีฟังก์ชั่นการจับเวลาที่เที่ยงตรง รวมถึงฟังก์ชั่นการกันน้ำลึก อ่านค่าในที่แสงน้อยที่สามารถตอบโจทย์สายดำน้ำได้ ซึ่งเราจะเลือกนาฬิกาที่สามารถใช้ได้บ่อย ในดีไซน์ที่มีความโมเดิร์นคลาสสิก ส่วนตัวจะชอบสีดำสแตนเลสสตีลและเรือนที่มีหน้าปัดทรงเหลี่ยม เพราะจะช่วยเสริมให้การแต่งตัวดูสนุกขึ้น หรือเรือนที่หน้าปัดไม่ใช่โทนสีคลาสสิก อย่างสีฟ้า สีน้ำเงิน หรือสีเขียว ก็ได้เช่นกัน”

ถัดมาที่สาวสวย ธัญวรรณ เทพหัสดิน ณ อยุธยา เล่าว่า “ปกติเราจะเลือกนาฬิกาจากดีไซน์ที่ชอบและโทนสีที่เหมาะกับผิว ถ้าใครที่ชอบความคลาสสิกเรียบง่ายอาจจะเลือกเรือนสแตนเลสสตีลหน้าปัดกลม หรือถ้าใครที่ชอบความแปลกใหม่แนะนำให้เลือกหน้าปัดเหลี่ยมเลย อย่างเราเองก็จะหยิบมาใส่ตามโอกาสถ้าเป็นวันที่แต่งตัวชิลล์ๆ หรือแคชชวลหน่อยก็จะใส่สแตนเลสสตีลหน้าปัดเหลี่ยมสีฟ้า หรือถ้าเป็นวันที่แต่งตัวทางการสไตล์เรียบโก้ก็จะคอมพลีทลุคด้วยนาฬิกาสีทองทั้งเรือนเพื่อให้ได้ลุคที่โดดเด่นไปเลย”

คนต่อมาดีไซน์เนอร์สาว รินทร์รตา อินทามระ เผยว่า “ถ้าใครกำลังจะเลือกนาฬิกาเรือนแรกเราแนะนำให้เลือกจากแบรนด์ที่น่าสนใจ อย่างแบรนด์ Swiss made เพราะจะเป็นแบรนด์ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานและมีประสิทธิภาพด้านนวัตกรรมและดีไซน์ที่ไทม์เลส ถ้าเลือกแบรนด์ได้แล้วก็ลองศึกษาดูรุ่นที่ชอบ ที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ ซึ่งแนะนำว่าควรไปลองสวมใส่เรือนจริงก่อนว่าสบายไหม ขนาดหน้าปัดพอดีกับข้อมือเราหรือเปล่า ส่วนตัวเราจะชอบนาฬิกาดีไซน์เรียบหรูเพราะใส่ได้บ่อย เรือนที่ชอบจะเป็นสแตนเลสสตีลสีโรสโกลด์หน้าปัดทรงเหลี่ยมสีน้ำตาล”

ด้านนักแสดงหนุ่ม มีน-พีรวิชญ์ อรรถชิตสถาพร เล่าว่า “ถ้าเลือกนาฬิกาดีๆ สักเรือนสำหรับใส่ในชีวิตประจำวัน นอกจากเลือกจากแบรนด์ที่ชอบแล้ว แนะนำให้เลือกจากดีไซน์ที่สามารถสวมใส่ได้ในทุกโอกาส อย่างเรือนที่ใส่วันนี้เป็นรุ่น มัลติฟอร์ต ทีวี บิ๊ก เดท โรส โกลด์ พีวีดี (Multifort TV Big Date – Rose Gold PVD) กรอบตัวเรือนเป็นสแตนเลสสตีลสีโรสโกลด์ หน้าปัดไล่เฉดสีน้ำตาลไปจนเป็นสีดำเข้มเป็นเรือนที่เรียบหรูแต่ดูคล่องแคล่วด้วยการใช้สายนาฬิกาแบบยางสีน้ำตาลเข้ม ซึ่งเป็นเรือนที่เราชอบมาก เพราะค่อนข้างเป็นตัวเองเลย เป็นดีไซน์ที่เรียบหรูแต่ไม่มากเกินไปเพราะสายนาฬิกาที่มาช่วยเพิ่มความสนุกให้กับลุคดูทะมัดทะแมงขึ้น”

ปิดท้ายที่นักแสดงสาว มะปราง-อลิสา ขุนแขวง เผยว่า “เทคนิคการเลือกนาฬิกาแนะนำให้เลือกจากแบรนด์ที่ชอบและเรือนที่เป็นตัวเราสามารถสะท้อนคาแรคเตอร์ของเราได้ดีในขณะที่สวมใส่และตัวเรือนต้องพอดีกับข้อมือ วันนี้เราใส่ มัลติฟอร์ต ทีวี 35 (Multifort TV 35) เป็นตัวเรือนสแตนเลสสตีล หน้าปัดตกแต่งด้วยเปลือกหอยมุกประดับเพชรที่ให้ความเรียบหรู แต่ในขณะเดียวกันก็มีความโมเดิร์นด้วยรูปทรงหน้าปัดแบบสี่เหลี่ยม ประกอบกับวัสดุที่แข็งแรงทนทานสามารถใส่ทำกิจกรรมได้ ซึ่งตอบโจทย์เรามากๆ”

เตรียมพบกับเรือนเวลาหรูหลากคอลเลกชั่นจากงาน “MIDO Novelties Presentation 2024” จากแบรนด์ ”มิโด” (MIDO) นาฬิกาคุณภาพมาตรฐานตามแบบฉบับ Swiss made ได้ที่เคาน์เตอร์ “มิโด” (MIDO) เซ็นทรัล, โรบินสัน, เดอะมอลล์ และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ หรือผ่านช่องทางออนไลน์ MIDO Official Store ใน Shopee และ Lazada และติดตามรายละเอียดเพิ่มเติ่มได้ที่เว็บไซต์  www.midowatches.com Facebook: Mido Watches และ LINE Official Account: @midothailand หรือติดต่อได้ที่เบอร์ 02-610-0200